เมื่อรองเท้าของว่าที่สตาร์เอ็นบีเอระเบิด

รองเท้าบาสเกตบอลถือเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของผู้เล่น ด้วยคุณภาพและการออกแบบให้มันเหมาะสมกับการใช้งานทั้งวิ่ง กระโดดและเบรกอย่างต่อเนื่อง รองเท้าบาสแทบจะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์กีฬาที่ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงทนทานมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งไป ปลายกุมภาพันธ์ 2019 ในเกม NCAA ระหว่างมหาวิทยาลัยดุ๊กกับมหาวิทยาลัยนอร์ท แคโลไรน่า หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในอนาคตของเอ็นบีเอชื่อ ไซออน วิลเลี่ยมสัน กำลังเล่นเกมของเขา จังหวะเหยียดขาในเกมปรากฏว่ารองเท้าของวิลเลี่ยมสันฉีกออกจากกันจนเขาทรงตัวไม่อยู่ ก่อนล้มลงกุมหัวเข่าที่มีอาการเจ็บ รองเท้าข้างซ้ายของวิลเลี่ยมสันฉีกเป็นทางยาวตลอดข้างเท้าด้านนอก ผู้ชมเกมถึงกับตะลึงเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ เรื่องรองเท้าพังกลายเป็นประเด็นฮอตทันที โดยแบรนด์ผู้ผลิตได้ออกมาแก้ต่างว่ามันเป็น “issolated occurrence” หรือพูดง่าย ๆ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดได้ในบางครั้ง ซึ่งจากรองเท้าฉีกระหว่างเกมหนึ่งครั้ง เกิดการถกเถียงในวงกว้าง โดยบางส่วนบอกว่าเป็นเรื่องของความบกพร่องในการผลิตของเจ้าของแบรนด์ และบางคนบอกว่าเป็นความผิดของวิลเลี่ยมสันเองที่ใช้รองเท้าผิดสเปคกับการใช้งาน ดร.แน็ต ฮันต์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเนบลาสก้า ซึ่งทำงานวิจัยและศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของมนุษย์และสัตว์ ได้รับการร้องขอให้หาคำตอบเรื่องนี้ ซึ่งเนื้อหาของการศึกษาและหาคำตอบประกอบด้วยการเคลื่อนที่ทั้งในแนวราบ แนวดิ่ง แรงปฏิกิริยาของรองเท้ากับพื้นสนามเมื่อนักกีฬาทรงตัวหรือออกตัว แม้จะไม่ได้วัดแรงที่เกิดขึ้นจากการเหยียดเท้าของซิออนโดยตรง แต่ ดร.ฮันต์ก็ชี้ชัดว่าแรงที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุให้รองเท้าข้างนั้นฉีกขาด “รองเท้าที่พังยับแบบที่เกิดกับวิลเลี่ยมสัน เป็นเพราะมันเกิดแรงต้านหลายจุดพร้อมกันบนตัวรองเท้าในจังหวะที่เขาขยับเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน” ดร.ฮันต์เริ่มอธิบาย “มันขึ้นอยู่กับมุมสัมผัสของพื้นรองเท้าและพื้นสนาม ซึ่งจากการย้อนดูวิดีโอจะเห็นว่ามุมสัมผัสมันอยู่ที่ 60 องศาจากแกนตั้ง และตรงจุดนี้ไซออนพยายามที่จะทรงตัวด้วยขาซ้ายเพียงข้างเดียว มันเป็นการรับน้ำหนัก 284 ปอนด์ของร่างกายนักกีฬาขนาดใหญ่ และเพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้เขาต้องมีแรงรับที่พื้นรองเท้า […]

ช็อต คล็อก เงื่อนไขเวลาเปลี่ยนกระแสบาสให้พุ่งกระฉูด

บาสเกตบอลกลายเป็นที่สุดของความตื่นเต้นอย่างในปัจจุบันต้องยกความดีความชอบให้กติกาที่ปรับปรุงขึ้นในภายหลังที่เรียกว่า ช็อต คล็อก (Shot clock) ย้อนกลับไปในช่วงที่ NBA เกิดปัญหาแฟนบาสเกตบอลเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการชมเกม การยิงไร้กติกาเรื่องเวลาในการเล่นเกมบุกทำให้หลายทีมที่นำอยู่สร้างรูปแบบการเล่นฆ่าเวลาเพื่อให้จบลงด้วยชัยชนะ การส่งบอลไปมาไม่ผิดกฏ ไม่ถูกลงโทษและทีมที่ตามหลังอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้ หากเข้าไปแย่งบอลรุนแรง อีกฝ่ายก็ได้ครอบครองบอลจากการทุ่มเข้าอยู่ดี เมื่อเป็นแบบนี้สถิติการทำคะแนนช่วงท้ายเกมก็ต่ำมาก หนึ่งในเกมที่ถูกบันทึกไว้ในเรื่องนี้คือนัดที่ฟอร์ท เวย์น พิสตันเอาชนะมินนีอาโพลิส เลเกอร์ 19-18 ในเดือนพฤศจิกายน 1950 เฉพาะในควอเตอร์สุดท้ายพวกเขามีการทำคะแนนแค่ 3-1 ในเกมนั้นพิสตันครองบอล 4 นาทีโดยไม่ยิงทำคะแนน ถัดมาไม่กี่อาทิตย์หลังเกมพิสตันกับเลเกอร์ ในเกมของโรเชสเตอร์ รอยัลส์กับอินเดียน่าโพลิส โอลิมเปี้ยนเกิดเหตุการณ์ครองบอลแต่ไม่ยิงเหมือนกัน มันเป็นเรื่องใหญ่ทันทีสำหรับ NBA ในการเร่งรูปเกมให้เร็วขึ้นและลดการฟาวล์ท้ายเกมลง ในปี 1954 สี่ปีให้หลังของความน่าเบื่อหน่ายในเกมบาสเกตบอล ที่ไซราคิวส์ในนิวยอร์ก ดาเนี่ยล บิอาโซเน่ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของสโมสรไซราคิวส์ เนชั่นนอลหรือปัจจุบันคือทีมฟิลาเดลเฟีย  เซเว่นตี้ซิกเซ่อร์ได้เอาแนวคิดในการมีเวลากำหนดให้ฝ่ายรุกต้องทำการชู้ตมาใช้ เขากับลีโอ เฟอร์ริส ผู้จัดการทีมและเอมิล บาร์บอนี่ หัวหน้าแมวมองได้พูดคุยกันที่ลานโบลลิ่งของไบอาโซเน่เกี่ยวกับเรื่องเวลาและคะแนนต่างๆ ไบอาโซเน่บอกว่ามีเกมที่เขาชอบคะแนนของมัน เขาคิดว่าแต่ละทีมชู้ตกันราว 60 ครั้ง หมายความว่ามีจังหวะทำคะแนนประมาณ 120 ครั้งต่อเกม และมันจะใช้เวลา […]

ไอซายาห์ คนจิ๋วนอกสายตาที่กลายมาเป็นดาราในแสงไฟ

ในการดราฟท์ผู้เล่นเข้าเสริมทีมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ของเอ็นบีเอ จะมีนักบาสเกตบอลกลุ่มหนึ่งที่เก่งแต่ไม่เด่นนัก พวกเขาไม่ถูกลิสต์รายชื่อจากแมวมองว่าทีมจะต้องรีบแย่งสิทธิ์คว้าตัวมาก่อนทีมอื่น หรือไม่ก็สามารถเก็บไว้แย่งในรอบหลังได้ เราเรียกนักกีฬากลุ่มนี้ว่าเป็นพวก Low draft picks แต่ก็มีบางคนที่พอเอาเข้าจริงการเล่นกลับไม่ได้โลว์ตามลำดับถูกเลือก ในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอที่นักบาสเกตบอลส่วนใหญ่สูงระดับ 6 ฟุตขึ้นไปทั้งนั้น ความสูงแค่ 5 ฟุต 9 นิ้ว (1.75 ม.) ของไอซายาห์ โธมัสเลยทำให้เขาไม่ต่างจากคนแคระในดงมนุษย์ยักษ์ ถึงจะตัวเล็กกว่าใครและเรียนไม่เก่งเอาเสียเลย แต่ในเรื่องบาสเกตบอลแล้ว ไอซายาห์เป็นเด็กเก่งมากในกีฬาที่เขารักนี้ ไอซายาห์มีพรสวรรค์สูง มีความเร็วและเทคนิคแพรวพราวเข้าช่วยลบจุดด้อยเรื่องขนาดตัว เขาสามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่อยู่ไฮสกูลเซ้าท์ เค้นท์ที่คอนเน็คติกัต จนได้รับคัดเลือกเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ที่วอชิงตัน ยูนิเวอร์ซิตี้ ไอซายาห์ โธมัสได้สวมเสื้อหมายเลข 2 ต่อจากแนต โรบินสัน ผู้เล่นคนดังของมหาวิทยาลัย ซึ่งไอซายาห์ก็ลงระเบิดฟอร์มให้เห็นตั้งแต่เกมแรกในการเล่นโชว์ด้วยการทำ 27 แต้ม หลังจากนั้นก็กลายเป็นผู้เล่นที่สร้างอิมแพ็คขนาดใหญ่ให้ฤดูกาล 2008-2009 ของทีมวอชิงตัน ฮัสกี้ สถิติการทำแต้มเฉลี่ย 16.9 แต้ม 3.2 แอสซิสต์เมื่อจบปีแรก และพาทีมเป็นแชมป์รายการแปซิฟิก เท็น (PAC-10) ด้วยการยิงในช่วงวินาทีสุดท้ายใส่อริโซน่าในปี 2011 ทำให้คนตัวเล็กกลายเป็นยักษ์ได้ […]

โลโก้เอ็นบีเอ โฉมหน้าใหม่ของการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งลีกบาสอเมริกัน

ตอนที่ The National Basketball Association หรือ NBA ก่อตั้งขึ้นในปี 1946 พวกเขาไม่ได้ใช้ชื่อ NBA ตั้งแต่แรก เพราะเดิมพวกเขาใช้ชื่อ The Basketball Association of American หรือ BAA โดยมีทีมเข้ารวมแข่งขัน 11 ซึ่งตอนนั้นอเมริกาก็มีลีกบาสเกตบอลในชื่อ the National Basketball League หรือ ABL อยู่ หลังก่อตั้ง BAA ได้ 3 ปี พวกเขาก็คุยกับทาง ABL และตัดสินใจรวมตัวเป็นการแข่งขันเดียวและใช้ชื่อ NBA ในปี 1949 เป็นต้นมา ทุกอย่างน่าจะไปด้วยดีถ้าไม่ใช่เพราะการมีอีกสมาคมบาสเกตบอลก่อตั้งขึ้น American Basketball Association หรือ ABA ลุกขึ้นมาจัดลีกของตัวเองในปี 1967 แถมยังทำได้ดีเกินหน้าเกินตาด้วยกฏกติกาใหม่ที่ทำให้เกมทั้งวูบวาบ รวดเร็ว และเข้มข้นขึ้นด้วยการมีช็อตคล็อก 30 วินาทีและกฏการยิง […]

 5 ดูโอถ้าอยู่โยงยาวๆ ต้องเขย่าเอ็นบีเอ

เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด สองผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ก็อยู่ร่วมทีมกันได้ยากฉันนั้น และนั่นคือเหตุผลที่น่าเสียดายสำหรับวงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอ ที่หากว่าผู้เล่นชั้นเลิศสองคนของทีมจับคู่กันเล่นนานกว่านี้ บางที่พวกเขาน่าจะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่มันเป็น เจอร์รี่ สแต็กเฮ้าส์–แกรนต์ ฮิลล์ ระยะเวลา 3 ฤดูกาล 1997-2000 สองสมอลฟอร์เวิร์ดที่เป็นกำลังสำคัญของทีมดีทรอยต์ พิสตันในช่วงปี 1997-2000 เจอร์รี่ สแต็กเฮ้าส์ยิง 23.6 แต้มต่อเกมขณะที่แกรนต์ ฮิลล์กดไป 25.8 แต้มต่อเกม ที่สำคัญทั้งสองคนมาจากมหาวิทยาลัยที่มีระดับความเป็นศัตรูในบาสเกตบอล NCAA เสียด้วย โดยตัวสแต็กเฮ้าส์จบจากนอร์ธ แคโรไลน่า ส่วนฮิลล์มาจากดุ๊ก แต่การทิ้งความเป็นศัตรูต่างสีเสื้อสถาบันมาทำงานร่วมกันอย่างเข้าขา พาดีทรอยต์เข้าเพลย์ออฟสองปีติดก็เป็นสิ่งที่แฟนบอลแห่กันตามดู อัลเลน ไอเวอร์เซ่น–คาร์เมโล่ แอนโธนี่ ระยะเวลา 1.5 ฤดูกาล 2006-2008 ช่วงที่อยู่ฟิลาเดเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซ่อร์ อัลเลน ไอเวอร์เซ่นกลายเป็นอัจฉริยะระดับที่เพื่อนร่วมทีมตามไม่ทัน แน่นอนว่าเขาคือผู้เล่นที่โดดเด่นที่ฟิลาเดลเฟีย แต่การย้ายทีมมาแดนเวอร์ นักเก็ตส์ทำให้เขาเจอผู้เล่นระดับเดียวกันอย่างคาร์เมโล่ อันโธนี่ มันช่วยจุดไฟอัจฉริยะที่เหมือนหมดถังของไอเวอร์เซ่นให้ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง ไอเวอร์เซ่นกลับมากระสุนฮอตทำไป 26.4 แต้มต่อเกมกับ 7.1 แอสซิสต์ ส่วนคาร์เมโล่ก็ไม่น้อยหน้า 25.7 แต้มต่อเกม มันคือสิ่งที่ทำให้แฟนบอลสนุกในการเข้ามาเชียร์ […]

ชอว์น แบร็ดลี่ย์ โคตรเก่งไม่น่าจะเก่งของเอ็นบีเอ

ถ้าให้นิยามแก่ผู้เล่นในบาสเกตบอลเอ็นบีเอด้วยการรวมเอาความรวดเร็วว่องไว ความแข็งแกร่ง ความแม่นยำ พวกเขาทั้งหมดจะดูเป็นนักกีฬาขึ้นมาทันที แต่ในยุคเก่าของเอ็นบีเอ มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความสูงกลายเป็นจุดขายสำคัญเพราะมันมีประโยชน์ในการยืนใต้แป้น ผู้เล่นยุคก่อนสมัยใหม่หลายคนเดินเข้าสู่แสงไฟของเอ็นบีเอโดยใช้ความสูงนำทาง และหนึ่งในนั้นคือชอว์น แบร็ดลี่ย์ นักบาสเกตบอลของความสูง 2.29 เมตรจากบริกแฮม ยัง ยูนิเวอร์ซิตี้ในรัฐยูท่าห์ ซึ่งฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซ่อร์ดราฟท์เข้าทีมเป็นอันดับสองของการดราฟท์ในปี 1993 ชอว์นเกิดในช่วงที่ครอบครัวถูกส่งไปประจำการในกองแพทย์ของกองทัพสหรัฐที่ฐานทัพในเยอรมันช่วงมีนาคม 1972 หลังจากนั้นถึงได้เดินทางกลับมายังคาสเซิ่ลเดล, ยูท่าห์เพื่อมีชีวิตแบบเด็กอเมริกัน แต่ความที่ชอว์นนั้นสูงเกินมาตรฐานเด็กทั่วไปทำให้เขากลายเป็นคนที่แตกต่าง สาเหตุความสูงมาจากพันธุกรรมแน่นอนเพราะแม่ของเขาซึ่งเตี้ยที่สุดในครอบครัวยังสูงถึง 190 เซนติเมตร ในการเล่นบาสเกตบอลตั้งแต่เด็ก ชอว์นไม่มีทักษะในการเลี้ยง ไม่มีความเร็ว กระโดดไม่สูง แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นก็คือการยืนตั้งท่าแล้วเขย่งเพื่อยกมือบล็อกการชู้ตของคู่แข่ง หรือไม่ก็การกระโดดชู้ตที่คู่แข่งน้อยคนจะสูงพอยกมือบล็อก แค่นั่นก็มากพอทำให้ชอว์นได้เป็นผู้เล่นชั้นเลิศในระดับมัธยม แค่ความสูงอย่างเดียวก็พาชอว์นเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ทั่วสหรัฐแล้ว ไม่นับผลงานที่จับต้องได้ในกีฬาบาสเกตบอลด้วยซ้ำ แต่ชอว์นเลือกบริกแฮม ยัง ยูนิเวอร์ซิตี้ (BYU) มหาวิทยาลัยในยูท่าห์เพราะมันอยู่ไม่ไกลบ้าน และแค่การเข้าร่วมทีมในฐานะเฟรชชี่ของชอว์นในปี 1990-91 เขาก็กลายร่างเป็นสตาร์ได้แล้ว โดยการลงเล่น 34 เกมให้บีวายยูเขาก็สร้างสถิติใหม่ให้ NCAA ด้วยการบล็อกรวมไป 177 ครั้งและบล็อกเฉลี่ยต่อเกม 5.2 ครั้ง เฉพาะเกมเจออีสเทิร์น เคนตั๊กกี้ที่บล็อกไป 14 […]

ทริปเปิ้ล-ดับเบิ้ลอัจฉริยะ เบ็น ซิมมอนส์ ราชาผู้เล่นหน้าใหม่

แม้วงการบาสเกตบอลอเมริกันจะถือเป็นเบอร์หนึ่งของโลก แต่ก็ใช่ว่ามันจะจำกัดผู้เล่นระดับอัจฉริยะไว้เพียงแค่คนอเมริกันเท่านั้น เพราะข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปที่ทะเลซีกใต้ บนแผ่นดินออสเตรเลียเด็กหนุ่มคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเป็นดาวประดับเอ็นบีเอ “เบ็น ซิมมอนส์” เจ้าหนูซิมมอนส์เกิดที่เมลเบิร์น, ออสเตรเลียหลังการพบกันของเดฟ พ่อชาวอเมริกันที่เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลกับจูเลีย แม่ม่ายลูกติดชาวออสเตรเลียในปี 1991 หลังจากนั้นอีก 5 ปีในปี 1996 ซิมมอนส์ก็เกิดมาในสถานะน้องเล็กของพี่อีก 5 คน การมีพ่อเป็นอดีตนักกีฬาบาสเกตบอลและเป็นโค้ชให้ทีมในเมืองนิวคาสเซิ่ล รวมถึงเติบโตอยู่บนประเทศที่ชอบเกมรักบี้ ทำให้เบ็น ซิมมอนส์เลือกที่จะเล่นมันทั้งสองอย่าง แถมทำได้ดีอย่างน่าทึ่ง ซิมมอนส์ย้ายกลับมาเมลเบิร์ลในตอนอายุ 10 ขวบ พร้อมกับเริ่มเล่นบาสเกตบอลให้ทีมน็อกซ์ ไรเดอร์ ขณะเดียวกันก็ขยับจากเกมรักบี้ไปเป็นเกมที่ดุดันกว่าอย่างออสเตรเลี่ยน รูลส์ แต่เมื่อถึงทางเลือกว่าจะเดินสายบาสเกตบอลหรือออสเตรเลี่ยน รูลส์ ซิมมอนส์ตัดสินใจเลือกบาสเกตบอลเพียงเพราะโค้ชออสเตรเลี่ยน รูลส์ไม่ยอมให้เขาเล่นเป็นกองหน้าและตัวเตะจุดโทษ ทั้งที่ตำแหน่งที่โค้ลเสนอให้คือผู้เล่นรักซ์แมน ซึ่งเป็นคนสำคัญและเด่นสุดของเกมออสเตรเลี่ยน รูลส์ด้วยซ้ำไป อายุ 15 ปี เบ็น ซิมมอนส์เลือกเล่นบาสเกตบอลจริงจัง เขาได้ทุนสถาบันกีฬาของออสเตรเลีย ก่อนที่จะเดินทางมาอเมริกาเป็นครั้งแรกในการเข้าแคมป์ของเด็กมีแววในเชิงบาสเกตบอลของออสซี่ ก่อนจะติดทีมชาติออสเตรเลียรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เขาตัดสินในเดินทางมาสานต่อความสามารถที่อเมริกา โดยเลือกมอนต์เวอร์เด้ในฟลอริด้าเป็นฐานฝึกฝน ก่อนช่วยให้มอนต์เวอร์เด้ อะคาเดมี่ทำสถิติ 28-0 ในฤดูกาล 2013/2014  ปิดด้วยการพาทีมคว่ำโอ๊กค์ […]

โลโยล่า ชิคาโก้ ซินเดอเรล่าที่กลับมาอีกครั้ง

ตำนานเทพนิยายเรื่องหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเรื่องราวของซินเดอเรล่า มันถูกเล่าขานถึงซินเดอเรล่า หญิงสาวอาภัพและพรวิเศษของนางฟ้าแม่ทูนหัวที่เสกรองเท้าแก้วและราชรถฟักทองให้เดินทางเข้าวังไปพบกับเจ้าชาย แต่มนต์วิเศษจะหายไปเมื่อเสียงระฆังเที่ยงคืนเริ่มดัง พอร์ตเตอร์ โมสเซ่อร์นั่งทำงานในห้องส่วนตัวที่มหาวิทยาลัยโลโยล่า ยูนิเวอร์ซิตี้ ชิคาโก้ ในรัฐอิลลินอยส์ งานของเขาคือการเป็นโค้ชให้กับทีมบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าแข่งขัน NCAA  หรือรายการบาสเกตบอลชิงแชมป์แห่งชาติระดับมหาวิทยาลัยของอเมริกา ที่ด้านหลังโต๊ะทำงานของโมสเซ่อร์มีรูปถ่ายขาวดำของอดีตนักกีฬามหาวิทยาลัยเมื่อ 55 ปีที่แล้วทั้งเลส ฮันเตอร์, เจอร์รี่ ฮาร์กเนสและจอห์น อีแกนที่ถ่ายรูปคู่กับถ้วยรางวัลแชมป์ NCAA 1963 ปีที่โค้ชจอร์จ ไอร์แลนด์พาเด็กๆ ไปสร้างชื่อคับอเมริกา พอร์ตเตอร์รับงานคุมทีมโลโยล่ามาตั้งแต่ปี 2011 หลังจากที่เป็นผู้ช่วยโค้ชให้หลายทีมเพื่อเป็นการบ่มประสบการณ์ ก่อนหน้านี้เขาได้ชิมลางเป็นโค้ชใหญ่ให้อิลลินอยส์ สเตท แห่งมันออกมาไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้เขากลับไปรับงานผู้ช่วยอีกรอบที่มหาวิทยาลัยเซ้นต์ หลุยส์ ก่อนมารับงานต่อจากโค้ชคนเก่าของโลโยล่าที่ทำผลงาน 7 ปีไว้ด้วยการชนะ 109 เกมและแพ้ไป 107 เกม นี่คืองานสุดยากสำหรับพอร์ตเตอร์แน่นอน แม้ที่นี่จะเคยเป็นถึงแชมป์ประเทศ แต่เรื่องจะประสบความสำเร็จอีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้ สามปีแรกของพอร์ตเตอร์หนักไปทางแพ้มากกว่าชนะ จนเข้าปีที่สี่ในฤดูกาล 2014/2015 สถิติก็พลิกกลับมาเป็นชัยชนะมากกว่าแพ้บ้าง ถึงอย่างนั้นโลโยล่าก็ยังอยู่ห่างไกลจากการสร้างเทพนิยายซ้ำ เทพนิยายถูกสร้างขึ้นมาเป็นความเชื่ออย่างช้า ๆ ในปี 2017/2018 เมื่อบรรดาลูกศิษย์ในทีมของพอร์ตเตอร์เก็บชัยชนะได้ถึง 7 เกมติดช่วงก่อนเกมทางการจากแผนการเล่น 4 […]

โลโยล่า ยูนิเวอร์ซิตี้ ชิคาโก้ ผู้เปิดศักราชใหม่ผู้เล่นผิวสีบาส NCAA

ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 30 จนเข้าถึงต้นทศวรรษ 60 วงการบาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัย หรือ NCAA มีการให้สัญญาลูกผู้ชายต่อกันว่าในทุกการแข่งขัน พวกเขาแต่ละทีมจะไม่ส่งผู้เล่นผิวสีลงสนามเกินสามคน มันกลายเป็นข้อจำกัดของมหาวิทยาลัยที่มีพื้นเพในย่านคนดำ เพราะพวกเขามีผู้เล่นชั้นเลิศในมือ แต่ความสามารถทางกีฬาถูกขวางทางด้วยเงื่อนไขเรื่องชาติพันธุ์ที่มันไม่สมควรมี ในการแข่งขันบาสเกตบอล NCAA ฤดูกาล 1963 โลโยล่า ยูนิเวอร์ ออฟ ชิคาโก้ ทีมไร้ชื่อเสียงในวงการบาสเกตบอลมหาวิทยาลัย และอยู่ในย่านคนผิวสี โค้ชจอร์จ ไอร์แลนด์ได้ค้นพบว่าผู้เล่นของพวกเขามีดีมากเกินกว่าจะเอามานั่งข้างสนามเพียงเพื่อใช้โควต้าผู้เล่นผิวขาวให้ครบตามสัญญา เขากล้าแตกหักสัญญาลูกผู้ชายของวงการบาสสมัยนั้นด้วยการส่งผู้เล่นผิวสีลงสนามพร้อมกัน 4 ราย ปี 1962-1963 ไอร์แลนด์ส่งผู้เล่นผิวสีลงเล่นเป็นตัวหลัก 4 คนแทบทุกเกม และกลายเป็นทีมแรกที่อาจหาญส่งผู้เล่นผิวสีลงทั้ง 5 คนในเกมของ NCAA โดยมันเป็นเกมที่พบกับมหาวิทยาลัยไวโอมิ่งในเดือนธันวาคม 1962 นักกีฬาผิวสีของเขาช่วยกันเอาชนะคู่แข่งทีมต่างๆ และผ่านเข้ารอบสุดท้าย กัปตันทีมและพอยต์การ์ด เจอร์รี่ ฮาร์กเนสที่ต่อมาถูกดราฟท์ตัวเข้าเอ็นบีเอในลำดับที่ 9 สร้างชื่อกระฉ่อนย่านมิสซูรี่ วัลเล่ย์ด้วยการถล่มเอาชนะเทคโนโลยี เทนเนสซี่ 111-42 กลายเป็นสถิติทำแต้มห่างสูงสุดตลอดกาลของเกมบาสเกตบอล NCAA แถมในรอบต่อมาก็ปราบทีมที่มีแต่ผู้เล่นผิวขาวอย่างมิสซิสซิปปี้ สเตท ด้วยสกอร์ 61-51 ผลการแข่งขันทำให้อีกฝ่ายทำใจรับไม่ได้ […]

บอสตัน เซลติก กษัตริย์ชราแห่งปี 1969

บาสเกตบอลเอ็นบีเอในฤดูกาล 1969 แชมป์เก่า บอสตัน เซลติกฝ่าฟันฤดูกาลที่ยากลำบากกว่าจะผ่านเข้ามาถึงรอบชิงแชมป์อีกครั้ง แถมคู่แข่งในนัดชิงชนะเลิศยังเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่ยากล้มพวกเขาอย่างลอสแองเจลิส เลเกอร์เสียด้วย แม้ว่าเซลติกจะเป็นแชมป์ถึง 10 จาก 12 ฤดูกาลก่อนหน้า และครองแชมป์ติดต่อกันมาถึง 7 ปี พวกเขาคือราชาที่กำลังเข้าสู่ช่วงโรยราของบรรดาผู้เล่นดาวดัง รวมไปถึงเซ็นเตอร์อย่างบิล รัสเซลล์ โดยทุกคนในทีมและสาวกของบอสตันรู้ว่ารัสเซลล์ตัดสินใจเล่นอาชีพเป็นปีสุดท้ายด้วย เช่นเดียวกันกับแซม โจนส์ คู่หูในตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ดที่อยู่ช่วงปลายของอาชีพแล้วเช่นกัน ตลอดฤดูกาลปกติเซลติกชนะ 48 และแพ้ 34 เกม จบอันดับ 4 ซึ่งเป็นที่นั่งสุดท้ายของพื้นที่เพลย์ออฟ สถิติในบ้านก็ไม่ดีนัก 24-12 นอกบ้านยิ่งแล้วใหญ่ 21-19 เทียบกับเลเกอร์ที่มีสถิติในฤดูกาลปกติ 55-27 ภายใต้การนำของเจอร์รี่ เวสต์, แอลกิ้น เบย์เล่อร์และวิลต์ แชมเบอร์เลน พร้อมด้วยรุกกี้หน้าใหม่แต่ฟอร์มเด่นบิลล์ เฮวิตต์ เกมการแข่งขันในรอบเพลย์ออฟฝั่งตะวันออก เซลติกพบกับฟิลาเดลเฟีย เซเว่นตี้ซิกเซอร์ พวกเขาหักปากกาเซียนด้วยการบุกไปชนะถึงเดอะ สเปกตรัม รังเหย้าของเซเว่นตี้ซิกเซอร์ได้ 3 เกม สร้างความได้เปรียบอย่างมหาศาลในการเก็บชัยชนะ 4-1 แต่คู่แข่งที่ยืนอยู่หน้าพวกเขาในรอบชิงแชมป์สาย และจะเป็นคนขวางทางการไปชิงแชมป์ประเทศก็มีผลงานดุดันเหลือเกิน […]