ฟอร์มการเล่นของเจย์สัน เททั่ม ฟอร์วอร์ดหนุ่มวัย 22 ปี ของบอสตัน เซลติกนั้น โดดเด่นเกินอายุอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าใคร ๆ ที่ได้เห็น ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไอ้เด็กคนนี้มันมีของ และในวันนี้ เมื่อทีมไร้ซึ่งเงาของรุ่นพี่อย่าง ไครี่ เออร์วิง อยู่กับทีมแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขา จะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ ให้แก่แฟน ๆ ของเซลติกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และดูเหมือนว่า เขาจะสามารถทำมันได้ดีเสียด้วยสิ
เททั่มนั้นถูกทางเซลติกดราฟต์เข้าสู่ทีม ในการดราฟต์ ปี 2017 และนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่กับเซลติก เขาก็เป็นกำลังสำคัญให้กับทีม มาตลอดสองฤดูกาล ด้วยความขยันทุ่มเท และการเล่นอย่างกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน ทำให้เขากลายมาเป็นขวัญใจของแฟน ๆ บอสตันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และในฤดูกาลแรกของเขากับทีม เททั่มก็สามารถก้าวขึ้นไปคว้าตำแหน่ง รุกกี้แห่งปี 2018 ได้สำเร็จ ด้วยสถิติการทำคะแนน 13.9 คะแนน 5 รีบาวด์ กับ 1.6 แอสซิสต์ จากการลงสนามในฤดูกาลปกติ 80 เกม ส่วนในรอบเพลย์ ออฟ เขาก็ยังทำผลงานดีต่อเนื่อง โดยคะแนนเฉลี่ยต่อเกม ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 18.5 คะแนนเลยทีเดียว
การเล่นร่วมกันของเททั่ม กับรุ่นพี่ในทีมอย่างไครี่ เออร์วิงนั้น ช่วยให้เกมของบอสตัน เซลติกอันตรายและทรงพลังอย่างมาก ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าเททั่มจะเติบโตได้ดี ภายใต้ร่มเงาของรุ่นพี่อย่างเออร์วิง ดังนั้นเมื่อรุ่นพี่ย้ายออกไปอยู่กับ บรู๊คลีน เน็ทส์ เมื่อปีที่ผ่านมา หลายคนจึงอดเป็นห่วง ทั้งอนาคตของเททั่ม และอนาคตของทีมไม่ได้ ว่าเขาจะยังไปต่อได้อย่างแข็งแกร่งเช่นเดิมหรือไม่ เมื่อไร้ซึ่งเงาของเออร์วิง แต่มันกลับไม่ได้เป็นตามที่หลายฝ่ายกังวล เมื่อเขาแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาสามารถทำผลงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เมื่อฤดูกาลนี้เขามีสถิติการทำคะแนน พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 23.6 คะแนนต่อเกม บวกกับ 7.1 รีบาวด์ และ 2.9 แอสซิสต์ ช่วยให้บอสตันเซลติก อยู่ในอันดับที่ 3 ของสายตะวันออก และอันดับของเซลติก ก็อยู่สูงกว่า ทีมใหม่ของอดีตรุ่นพี่ของเขา อย่างเน็ทส์ที่อยู่ร่วมสายเดียวกันอีกด้วย ซึ่งหากดูตามตัวเลขสถิติแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะยกระดับตัวเอง ขึ้นมาสูงกว่าตอนที่อยู่ใต้เงาของไครี่ เออร์วิงอีกต่างหาก
จากการที่หลายคนมองกันว่า เจย์สัน เททั่มนั้น ใช้ร่มเงาของเออร์วิงในการเติบโต มาถึงวันนี้อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด บางทีร่มเงาที่คิดว่า ช่วยบังแดดให้กับเขานั้น บางทีมันอาจจะเป็นเงาที่คอยบดบัง เส้นทางการโบยบินของเขาก็เป็นได้ และเมื่อไร้ซึ่งเงาที่บดบัง เขาก็พร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาเป็น ผู้นำของบอสตัน เซลติก ถึงแม้ว่าอายุเขาจะเพียงแค่ 22 ปี แต่ก็อย่างที่เค้าว่ากัน “ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ” และเชื่อว่าวันนี้ เททั่มก็แก่พอแล้วล่ะ